
มาตรการเพิ่มเติมสำหรับคนไทยที่ประสงค์เดินทางกลับไทย ตั้งแต่วันที่ 1 มี.ค. 2565
ผู้เดินทางเข้าไทยทุกคนต้องลงทะเบียนเพื่อขอรับ Thailand Pass ผ่านทางเว็บไซต์ http://tp.consular.go.th อย่างน้อย 7 วันก่อนเดินทาง (ลงทะเบียนล่วงหน้าได้ไม่เกิน 60 วัน) ผู้ที่ลงทะเบียนสำเร็จจะได้รับ QR Code ทางอีเมล เพื่อใช้แสดงต่อสายการบินและเจ้าหน้าที่ ตม. ไทย หากไม่มี QR Code จะถูกปฏิเสธการเดินทางเข้าไทย
ปัจจุบัน ผู้เดินทางสามารถลงทะเบียนขอรับ Thailand Pass ภายใต้ 3 โครงการ ได้แก่
(1) “Test & Go”
- ต้องฉีดวัคซีนครบโดสแล้วไม่น้อยกว่า 14 วันก่อนเดินทาง
- เดินทางได้จากทุกพื้นที่/ประเทศต้นทาง
- ไม่ต้องกักตัว แต่ต้องจองและจ่ายค่าห้องพักที่โรงแรม SHA Extra+ หรือ Alternative Quarantine (AQ) 1 คืน โดยรวมค่ารถรับจากสนามบิน ค่าตรวจ RT-PCR 1 ครั้งสำหรับวันที่เดินทางถึงไทย และค่าชุดตรวจ ATK self-test 1 ชุด สำหรับตรวจวันที่ 5-6 และรายงานผลทางแอปฯ “หมอชนะ”
- สำหรับผู้ที่เดินทางเข้า Test & Go ที่ภูเก็ต/กระบี่/พังงา จะต้องจองและจ่ายค่าตรวจ RT-PCR 1 ครั้ง และค่าชุดตรวจ ATK self-test 1 ชุด ผ่านระบบ PSAS ที่ www.thailandpsas.com (แยกจากการจองโรงแรม)
- โรงแรมที่จองจะต้องตั้งอยู่ภายในระยะ 5 ชม. จากสนามบินที่มาถึง โดยให้ที่พักจัดพาหนะแบบ sealed route มารับจากสนามบิน
- ต้องใช้ผลตรวจ RT-PCR อายุไม่เกิน 72 ชม. ก่อนขึ้นเครื่อง
- คนไทยไม่ต้องใช้ประกันสุขภาพ (แต่ต่างชาติต้องใช้ประกันสุขภาพวงเงินไม่ต่ำกว่า 20,000 USD)
(2) Alternative Quarantine (AQ)
- สำหรับผู้ที่ไม่ได้ฉีดวัคซีนหรือฉีดวัคซีนไม่ครบโดส
- กักตัวในโรงแรม AQ 10 วัน
- จองและจ่ายค่าที่พักประเภท AQ เต็มจำนวน หรือจ่ายเงินมัดจำแล้วไม่น้อยกว่า 15,000บาท
- หลักฐานการจองโรงแรมจะต้องรวมค่ารถรับจากสนามบิน (airport pick up) และค่าตรวจ RT-PCR 2 ครั้ง
- คนไทยไม่ต้องใช้ประกันสุขภาพ
- หมายเหตุ ผู้ที่ฉีดวัคซีนครบแล้ว สามารถเลือกเข้าไทยภายใต้โครงการ AQ ได้เช่นกัน โดยให้จองโรงแรม AQ 7 วัน (แทนการจอง 10 วัน) และปฏิบัติตามเงื่อนไขของโครงการ AQ
(3) Sandbox
- ต้องฉีดวัคซีนครบโดสแล้วไม่น้อยกว่า 14 วัน ก่อนเดินทาง
- เดินทางได้จากทุกพื้นที่/ประเทศต้นทาง
- ไม่ต้องกักตัวในโรงแรม แต่ต้องอยู่ในพื้นที่ Sandbox อย่างน้อย 7 วัน เมื่อครบ 7 วันแล้ว จึงจะสามารถเดินทางไปพื้นที่/จังหวัดอื่น ๆ ได้
- พื้นที่ Sandbox ได้แก่ พื้นที่ 1: ภูเก็ต กระบี่ พังงา/ พื้นที่ 2: เกาะสมุย เกาะเต่า เกาะพะงัน / พื้นที่ 3: เมืองพัทยา อ. บางละมุง ศรีราชา เกาะสีชัง สัตหีบ (เฉพาะ ต. นาจอมเทียนและบางเสร่) / พื้นที่ 4: เกาะช้าง
- ต้องจองและจ่ายค่าห้องพักที่โรงแรม SHA Extra+ หรือ AQ ในพื้นที่ อย่างน้อย 7 วัน
- ไม่อนุญาตให้เดินทางข้าม Sandbox ยกเว้นในพื้นที่จังหวัด ภูเก็ต กระบี่ พังงา และสุราษฎร์ธานี (เกาะสมุย เกาะเต่าและเกาะพะงัน) ที่สามารถเดินทางภายในกลุ่มจังหวัดดังกล่าวได้ แต่เปลี่ยนที่พักได้
ไม่เกิน 3 โรงแรม - หลักฐานการจองจะต้องระบุว่ารวมค่ารถรับจากสนามบิน (airport pickup) ด้วย
- สำหรับเกาะสมุย/เกาะเต่า/เกาะพะงัน อย่างน้อยคืนแรกจะต้องเป็นโรงแรมในสมุย ส่วนอีก 6 คืนจะพักที่สมุย เกาะเต่า หรือเกาะพะงัน ก็ได้
- ต้องมีหลักฐานการจอง/ชำระค่าตรวจ RT-PCR 2 ครั้ง
- สำหรับพื้นที่ 1 (ภูเก็ต/กระบี่/พังงา) ให้จองและชำระค่าตรวจ RT-PCR แยกจากการจองโรงแรม โดยจองผ่านระบบ thailandpsas.com
- สำหรับพื้นที่อื่น ให้จองและชำระค่าตรวจ RT-PCR พร้อมกับการจองโรงแรม เป็นส่วนหนึ่งของหลักฐานการจองโรงแรม
- ต้องใช้ผลตรวจโควิดแบบ RT-PCR อายุไม่เกิน 72 ชม. ก่อนขึ้นเครื่อง
- คนไทยไม่ต้องใช้ประกันสุขภาพ
- เงื่อนไขเกี่ยวกับเส้นทางบิน
– ภูเก็ต/กระบี่/พังงา ผู้เดินทางสามารถบินตรงไปสนามบินภูเก็ต ไม่สามารถเปลี่ยนเครื่องที่กรุงเทพเพื่อต่อไปภูเก็ตได้ ยกเว้นต่อเครื่องกับสายการบินพิเศษ “sealed route” (หากมี) เช่น PG5275และ PG5279 และต้องจองตั๋วตลอดเส้นทางบินอินโดนีเซีย-กรุงเทพ-ภูเก็ต แบบ single booking ที่ออกให้โดยสายการบินเท่านั้น หากท่านจองตั๋วแยก หรือจองเที่ยวบินที่ไม่ใช่ “sealed route” จะไม่สามารถเดินทางต่อไปภูเก็ตได้
– เกาะสมุย/เกาะเต่า/เกาะพะงัน ผู้เดินทางสามารถบินตรงไปสนามบินสมุย หรือ เปลี่ยนเครื่องบิน (transfer) ที่กรุงเทพฯ แต่ต้องต่อเครื่องกับสายการบิน “sealed route” เท่านั้น เช่น PG5125 / PG5151 / PG5171 และต้องจองตั๋วตลอดเส้นทางบินอินโดนีเซีย-กรุงเทพ-สมุย แบบ single booking ที่ออกให้โดยสายการบินเท่านั้น หากท่านจองตั๋วแยก หรือจองเที่ยวบินที่ไม่ใช่ “sealed route” จะไม่สามารถเดินทางต่อไปสมุยได้
ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับหลักฐานการฉีดวัคซีน
- เอกสารรับรองการได้รับวัคซีนต้องเป็นภาษาอังกฤษหรือภาษาไทย ประกอบด้วย รายละเอียดยืนยันตัวบุคคล (ชื่อ-สกุล วันเดือนปีเกิด สัญชาติ หมายเลขหนังสือเดินทาง) และรายละเอียดการได้รับวัคซีน (จำนวนครั้งต้องครบถ้วนตามที่บริษัทผู้ผลิตวัคซีนกำหนด / วันที่ได้รับวัคซีน โดยเข็มสุดท้ายจะต้องได้รับก่อนวันเดินทางไม่ต่ำกว่า 14 วัน / ตัวเลขรุ่นการผลิต (lot/batch number of vaccine)
- วัคซีนที่ไทยยอมรับ ได้แก่ Sinovac (2 เข็ม – เว้นระยะห่าง 2 สัปดาห์) / AstraZeneca (2 เข็ม – เว้นระยะห่าง 4 สัปดาห์) /Johnson & Johnson (1 เข็ม) / Pfizer (2 เข็ม – เว้นระยะห่าง 3 สัปดาห์) / Moderna (2 เข็ม – เว้นระยะห่าง 4 สัปดาห์) / Sinopharm (2 เข็ม – เว้นระยะห่าง 3 สัปดาห์) / Sputnik V (2 เข็ม – เว้นระยะห่าง 3 สัปดาห์) / Covaxin (2 เข็ม – เว้นระยะห่าง 4 สัปดาห์) / Medigen – รับเฉพาะผู้ที่เข้าโครงการ Sandbox เท่านั้น (2 เข็ม – เว้นระยะห่าง 4 สัปดาห์) / Sputnik Light รับเฉพาะผู้ที่เข้าโครงการ Sandbox เท่านั้น (1 เข็ม)
- หากระยะห่างระหว่างเข็มน้อยกว่าที่กำหนด หลักฐานการฉีดวัคซีนของท่านจะถูกปฏิเสธ
- สามารถใช้หลักฐานการฉีดวัคซีนต่างบริษัทผู้ผลิตได้ แต่ต้องเว้นระยะห่างระหว่างการฉีดตามที่บริษัทผู้ผลิตเข็มแรกกำหนด
- ผู้ที่เคยติดเชื้อและหายป่วยแล้ว สามารถแสดงหนังสือยืนยันการติดเชื้อ/หายป่วย ประกอบกับหลักฐานการฉีดวัคซีน 1 เข็ม หลังการติดเชื้อได้
- เด็กอายุต่ำกว่า 12 ปี ที่ไม่ได้ฉีดวัคซีน และเดินทางพร้อมผู้ปกครอง สามารถเข้าไทยตามเงื่อนไขเดียวกันกับผู้ปกครอง
- เด็กอายุตั้งแต่ 12 ปี แต่ไม่เกิน 18 ปี ต้องแสดงหลักฐานการฉีดวัคซีน 1 เข็มอย่างน้อย 14 วันก่อนเดินทาง ยกเว้นกรณีที่เดินทางพร้อมผู้ปกครอง ไม่ต้องใช้หลักฐานการฉีดวัคซีน โดยเด็กจะสามารถเข้าไทยได้ตามเงื่อนไขเดียวกับผู้ปกครอง