การเปิดรับแจ้งบริจาคเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุเข้ากองทุนผู้สูงอายุ ผ่านสถานเอกอัครราชทูต ตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2561 เป็นต้นไป
รัฐบาลได้ดำเนินโครงการบริจาคเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุเข้ากองทุนผู้สูงอายุตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2560 เป็นต้นมา โดยเงินบริจาคจะนำมาจ่ายเป็นเงินช่วยเหลือให้แก่ผู้สูงอายุที่มีรายได้น้อยในโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ จำนวน 3.6 ล้านคน ผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ
หากผู้สูงอายุท่านใดที่ได้รับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุและอาศัยอยู่ในต่างประเทศสนใจโครงการฯ นี้ สถานเอกอัครราชทูตฯ พร้อมเป็นหน่วยรับแจ้งการบริจาคเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุฯ โดยมีรายละเอียด ดังนี้
- คุณสมบัติของผู้เข้าร่วมโครงการบริจาคเบี้ยยังชีพฯ
ผู้สูงอายุตั้งแต่อายุ 60 ปีขึ้นไปที่ได้รับเบี้ยยังชีพฯ (ได้ลงทะเบียนขอรับเบี้ยยังชีพฯ ณ หน่วยงานลงทะเบียนในประเทศไทยแล้ว) - เอกสารประกอบการแจ้งบริจาคเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุฯ ในต่างประเทศ
- กรณีแจ้งบริจาคด้วยตนเอง – นำบัตรประจำตัวประชาชนหรือหนังสือเดินทางมาแจ้ง
ความประสงค์ขอบริจาคได้ที่สถานเอกอัครราชทูตฯ - กรณีมอบอำนาจให้บุคคลอื่นดำเนินการแทน – ให้นำหนังสือมอบอำนาจพร้อมสำเนาบัตรประจำตัวประชาชน หรือสำเนาหนังสือเดินทางของผู้มอบอำนาจ และสำเนาบัตรประจำตัวประชาชน
หรือสำเนาหนังสือเดินทางของผู้รับมอบอำนาจมาด้วย
- กรณีแจ้งบริจาคด้วยตนเอง – นำบัตรประจำตัวประชาชนหรือหนังสือเดินทางมาแจ้ง
- สิทธิประโยชน์ที่ผู้บริจาคจะได้รับ
- เหรียญเชิดชูเกียรติ เพื่อเป็นการตอบแทนการเสียสละเงินเบี้ยยังชีพที่จะนำไปให้แก่ผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือ
- สิทธิในการหักค่าลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา 1 เท่าของเงินบริจาค แต่เมื่อรวมกับเงินบริจาคอื่นแล้วไม่เกินร้อยละ 10 ของเงินได้พึงประเมินหลังจากหักค่าใช้จ่ายและหักค่าลดหย่อน ซึ่งกองทุนผู้สูงอายุจะจัดส่งใบเสร็จรับเงินและเหรียญเชิดชูเกียรติให้แก่ผู้บริจาคตามที่อยู่ที่ระบุในประเทศไทยเท่านั้น
สามารถศึกษารายละเอียดโครงการฯ ขั้นตอนการรับบริจาค และข้อมูลประชาสัมพันธ์ตามลิงก์ด้านล่าง
คู่มือการรับแจ้งบริจาคเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุเข้ากองทุนผู้สูงอายุผ่านสถานเอกอัครราชทูตและสถานกงสุลใหญ่ของไทยในต่างประเทศ